ไขข้อข้องใจ ปัญหาเสมหะเยอะ
ญาติผู้ป่วยหลายท่าน สอบถามหมอมาเรื่องผู้ใหญ่ที่บ้าน มีเสมหะเยอะ ไอกระแอมตลอดเวลา จึงใคร่สงสัยว่าเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ และจะจัดการกับปัญหาเสมหะนี้อย่างไร วันนี้หมอมาตอบคำถามไขความสงสัยให้ฟังค่ะ
เสมหะหรือเสลด เป็นของเสียที่ถูกสร้างขึ้นในปอดและถูกขับออกมาผ่านทางปาก มักเกิดจากการติดเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไประคายเคืองที่หลอดลม
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
- ผู้ป่วยมีเสมหะเยอะ เกิดจากอะไร
- ผู้ป่วยมีเสมหะเยอะ อันตรายหรือไม่
- การดูแลผู้ป่วยที่มีเสมหะเยอะ
- การจัดท่าระบายเสมหะ (postural drainage)
- การเคาะปอด
- การสั่นปอด
- การฝึกไอ
ผู้ป่วยมีเสมหะเยอะ เกิดจากอะไร
1. ความเสื่อมถอยของร่างกาย
- ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน อัมพฤกษ์ อัมพาต สมองเสื่อม และผู้ป่วยติดเตียง มักพบปัญหาการขับเสมหะ อันเกิดจากการสั่งการของสมองในระหว่างการไอขับเสมหะ การควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการไอ ได้แก่ กระบังลม หน้าอก คอ ลิ้นนั้นเสื่อมถอยลง
- ทำให้ไอได้ไม่แรงพอ จึงไม่สามารถไอขับเสมหะจากหลอดลม ไปยังคอ ไปยังปากออกมาได้
2. มีปัญหาการกลืนแล้วสำลักบ่อย
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาการเคี้ยวกลืน จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการสำลักอาหาร เนื่องจากผู้ป่วยมักเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด หรือมีการกลืนที่ไม่สัมพันธ์กับการหายใจ ทำให้กลืนอาหารเกิดขึ้นในช่วงที่หายใจเข้า ซึ่งเป็นระยะที่ฝาปิดกล่องเสียงยังเปิดอยู่ อาหารจึงไหลตกเข้าไปสู่หลอดลม แทนที่จะไหลลงหลอดอาหารตามปกติ เศษอาหารที่ตกเข้าสู่หลอดลมนั้น จะทำให้เกิดการไอสำลัก เกิดเป็นเสลดเสมหะออกมานั่นเองค่ะ
- จะเห็นว่า ปัญหาเสมหะเยอะมักสัมพันธ์กับปัญหาการควบคุมอวัยวะในการเคี้ยวกลืนเช่นกัน
ผู้ป่วยบางรายหลังกลับจากโรงพยาบาลไป ยังจำเป็นต้องได้รับการดูดเสมหะอยู่บ่อยๆ ทุก 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้ หมอจึงมักแนะนำให้รักษาปัญหาเรื่องเสมหะให้ดีก่อน จึงเริ่มทำการฝึกกลืนทางปาก เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนคือการสำลักอาหารลงหลอดลมและปอดนั่นเอง
3. ผู้ป่วยมีภาวะปอดอักเสบติดเชื้อ
- หากผู้ป่วยมีไข้ ตัวร้อน ร่วมกับไอเสมหะเยอะ เสมหะเปลี่ยนสี ขุ่น เหลืองเขียว หรือมีอาการเหนื่อย ต้องใช้ออกซิเจนเสริม หรือใช้ระดับลิตรออกซิเจนที่สูงขึ้น ควรรีบพาไปพบแพทย์
ผู้ป่วยมีเสมหะเยอะ อันตรายหรือไม่
เสมหะที่ค้างอยู่ในปอดเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดเป็นปอดอักเสบ หรือหากเสมหะคั่งค้างตามหลอดลม ก็จะเกิดหลอดลมอักเสบได้
จึงเป็นเรื่องเร่งด่วยที่ต้องจัดการ โดยพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของเสมหะก่อน
- อาจมีการเอกซเรย์ปอดเพื่อดูว่ามีปอดอักเสบหรือไม่
- ต้องได้ยาฆ่าเชื้อ ยาลดเสมหะหรือไม่
รวมไปถึงการหาสาเหตุที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดโรคปอดอักเสบ/หลอดลมอักเสบจากการสำลักอาหารตามมาค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ การไอสำลักเล็กๆน้อยๆในผู้สูงอายุจึงอาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆอีกต่อไป
การดูแลผู้ป่วยที่มีเสมหะเยอะ
ในผู้ป่วยที่มีปัญหาในการขับเสมหะ นอกเหนือจากการฟื้นฟูสมรรถภาพการหายใจ วิธีการพื้นฐานในการระบายเสมหะ ที่สามารถทำได้โดยตัวเองหรือโดยผู้ดูแล ได้แก่
- การจัดท่าระบายเสมหะ
- การเคาะปอด
- การสั่นปอดด้วยอุ้งมือหรือด้วยเครื่อง
- การฝึกไอ
การจัดท่าระบายเสมหะ (postural drainage)
เป็นการจัดท่าของผู้ป่วย เพื่อใช้แรงโน้มถ่วงของโลกในการระบายเสมหะออกมา มักทำร่วมกับการเคาะปอดและการสั่นปอด
การจัดท่าการระบายเสมหะในปอดมีหลายท่า ขึ้นกับตำแหน่งของเสมหะที่ค้างอยู่ในกลีบปอดแต่ละส่วน การเลือกท่าระบายเสมหะที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย จึงควรสอบถามหมอประจำตัวผู้ป่วยก่อน เพื่อเลือกท่าการระบายเสมหะที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยติดเตียงซึ่งมักจะนอนอยู่ในท่านอนหงาย มักพบเสมหะคั่งค้างที่กลีบปอดส่วนหลัง และส่วนยอดของปอดกลีบล่างได้บ่อย การจัดท่าระบายเสมหะจึงมักจัดเป็นท่านอนคว่ำ
การจัดท่าระบายเสมหะท่านอนคว่ำ
เริ่มจากจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ
>> จัดให้ศีรษะตะแคงข้าง
>> จากนั้นยกลำตัวขึ้นใช้หมอนรองใต้ท้อง และรองใต้ขาผู้ป่วย
>> จัดให้อยู่ในท่านี้ 15-20 นาที
การเคาะปอด
เป็นเทคนิคที่ช่วยระบายเสมหะที่ติดอยู่ตามเนื้อปอด และหลอดลมให้หลุดร่อน และระบายออกได้ง่ายขึ้น
วิธีการเคาะปอด
– ใช้ผ้าขนหนูรองบริเวณที่จะเคาะปอด จากนั้นให้ทำมือเป็นอุ้งเหมือนรูปถ้วยเพื่อทำให้เกิดลมในอุ้งมือ
– ใช้มือ 2 ข้างเคาะสลับกัน โดยขยับข้อมือเคาะให้จังหวะสม่ำเสมอ ความถี่ประมาณ 2-3 ครั้งต่อวินาที ทำติดต่อกันประมาณ 3-5 นาที
การสั่นปอด
เป็นเทคนิคที่ช่วยระบายเสมหะที่ติดอยู่ตามเนื้อปอด และหลอดลมให้หลุดร่อน และระบายออกได้ง่ายขึ้น มักทำร่วมกับการเคาะปอด โดยอาจใช้อุ้งมือของผู้ดูแล หรือโดยใช้เครื่องสั่นปอดก็ได้
ในบทความนี้ หมอจะขอแนะนำการสั่นปอดโดยไม่ใช้เครื่อง เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้จริงที่บ้านนะคะ
วิธีการสั่นปอด
– เหยียดแขนทั้งสองข้างให้ตรง มือทั้งสองข้างทาบกับบริเวณที่ต้องการสั่นปอด รอผู้ป่วยเริ่มหายใจออก จากนั้นเกร็งแขนทั้งสองข้างให้เกิดการสั่นผ่านไปยังฝ่ามือ แล้วลงไปที่ทรวงอกของผู้ป่วย
– สั่นปอดประมาณ 3-5 นาที จึงเปลี่ยนท่า หรือเปลี่ยนบริเวณที่สั่นปอด
– หลังจากเคาะปอด หรือสั่นปอดแล้ว ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยไอขับเสมหะ เพื่อป้องกันเสมหะอุดกั้นบริเวณท่อหายใจส่วนต้นด้วย
การฝึกไอ
- ก่อนไอควรเริ่มด้วยการหายใจออกแบบพ่นลม ซึ่งเป็นการขับเสมหะที่อยู่ลึกๆ ให้ขึ้นมาอยู่ในคอ
- เริ่มต้นจากท่านั่งโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยหายใจเข้าทางจมูกแล้วอ้าปาก
- พ่นลมหายใจทางปากอย่างรวดเร็ว 2 ครั้ง คล้ายการพูด ฮ่ะ ฮ่ะ!
- ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง จากนั้นหายใจเข้าลึกและเร็ว
- ไอออกทางปาก 2 ครั้ง
- แนะนำให้หายใจออกแบบพ่นลมหลายๆครั้ง ก่อนที่จะไอขับเสมหะออกมา เพื่อลดอาการเหนื่อยเนื่องจากไอติดต่อกัน
เสมหะที่ค้างอยู่ในปอดเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดเป็นปอดอักเสบ หรือหากเสมหะคั่งค้างตามหลอดลม ก็จะเกิดหลอดลมอักเสบได้ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วยที่ต้องจัดการ ไม่ควรละเลยการหาสาเหตุและการแก้ไข เนื่องจากอาจนำมาสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดจากโรคปอดอักเสบ อันตรายถึงเสียชีวิตได้
บทความที่น่าสนใจ
บทความโดย
หมอมิ้นท์ พญ.วรัชยา วลัยลักษณาภรณ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท
สำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแลทางบ้านที่มีคำถาม หรือสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยโรคสมอง โรคเส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดสมองแตก ผู้ป่วยโรคสมอง และผู้ป่วยติดเตียง สามารถส่งข้อความคำถามได้ที่เพจ Viva Wellness หรือทางไลน์ @VivaWellness นะคะ หมอและทีมหมอหลายๆท่านจะทยอยตอบคำถามให้ค่ะ






